SEARCH

How to Calculate OEE in Manufacturing: Comparing MES, SCADA, Coding, and Manual Methods

How to Calculate OEE in Manufacturing: Comparing MES, SCADA, Coding, and Manual Methods

January 30, 2025

How to Calculate OEE in Manufacturing: Comparing MES, SCADA, Coding, and Manual Methods

OEE

OEE (ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร) เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ในการคำนวณ OEE มีหลายวิธีที่สามารถเลือกใช้ได้ เช่น การใช้ ซอฟต์แวร์ MES, ระบบ SCADA, การเขียนโค้ด หรือการทำ การวิเคราะห์ด้วยมือ ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน เราจะมาดูว่าแต่ละวิธีเหมาะสมกับธุรกิจของคุณอย่างไร

  1. MES Software (Manufacturing Execution System)

MES เป็นระบบที่สามารถคำนวณ OEE ได้แบบอัตโนมัติและแสดงผลแบบเรียลไทม์ โดยรวบรวมข้อมูลจากเครื่องจักร ผู้ปฏิบัติงาน และกระบวนการผลิต

ข้อดี:

    • เก็บข้อมูลอัตโนมัติ: ช่วยลดความผิดพลาดในการคำนวณ
    • การรายงานแบบเรียลไทม์: สามารถเห็นข้อมูล OEE ได้ทันที
    • การวิเคราะห์ขั้นสูง: มีฟังก์ชันการรายงานและวิเคราะห์ที่หลากหลาย
    • การรวมเข้ากับระบบ ERP: ช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจได้อย่างชัดเจน
    • Drill down ข้อมูลได้: สามารถดูข้อมูลได้หลากหลายมิติ
    • สามารถเก็บข้อมูลได้: ไม่ต้องพึ่ง Database อื่นๆ

ข้อเสีย:

    • ค่าใช้จ่ายสูง: เหมาะสำหรับโรงงานขนาดกลางถึงใหญ่

เหมาะสำหรับ: โรงงานขนาดกลางถึงใหญ่ที่ต้องการระบบติดตามประสิทธิภาพการผลิตแบบครบวงจร

  1. SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition)

SCADA เป็นระบบที่ใช้ในการควบคุมและติดตามกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ แม้ว่าจะไม่ใช่ระบบที่ออกแบบมาสำหรับ OEE โดยตรง แต่สามารถปรับใช้ให้ติดตาม OEE ได้

ข้อดี:

    • ติดตามแบบเรียลไทม์: เหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์

ข้อเสีย:

    • ต้องการการปรับแต่ง: SCADA ไม่ได้มีฟังก์ชัน OEE มาในตัว ต้องเขียนโค้ดหรือปรับแต่งเพิ่มเติม

เหมาะสำหรับ: ธุรกิจที่ใช้ SCADA และต้องการติดตาม OEE โดยไม่ต้องลงทุนใน MES ใหม่

  1. การเขียนโค้ดและสคริปต์

สำหรับโรงงานที่มีทีม IT การเขียนโค้ดเพื่อคำนวณ OEE สามารถเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและประหยัดต้นทุน

ข้อดี:

    • ประหยัดต้นทุน: ไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์
    • ปรับแต่งได้ตามความต้องการ: สามารถออกแบบระบบได้ตรงกับความต้องการ
    • การรวมข้อมูล: สามารถเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ได้ง่าย

ข้อเสีย:

    • ต้องใช้เวลาและความชำนาญ: การพัฒนาและบำรุงรักษาระบบต้องใช้ทีม IT ที่มีความเชี่ยวชาญ
    • ผูกติดกับผู้เขียนโค้ด: ยากที่จะให้คนอื่นมาแก้ไขหรือปรับแต่งโค้ด
    • ยากต่อการอัพเกรด: ถ้ามีการเปลี่ยน hardware หรือ OS version

เหมาะสำหรับ: โรงงานที่มีทีม IT ที่ชำนาญและมีความต้องการเฉพาะ

  1. การวิเคราะห์ด้วยมือ

วิธีที่ง่ายที่สุดในการคำนวณ OEE คือการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ด้วยมือ เช่น ใช้ Excel หรือโปรแกรมพื้นฐาน

ข้อดี:

    • ต้นทุนต่ำ: ไม่ต้องลงทุนในซอฟต์แวร์ที่มีราคาแพง
    • เริ่มต้นได้ง่าย: สามารถตั้งค่าและเริ่มใช้ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย:

    • ใช้เวลามาก: การเก็บข้อมูลและคำนวณด้วยมืออาจใช้เวลานาน
    • มีความเสี่ยงในการผิดพลาด: ข้อมูลที่คำนวณด้วยมือมีโอกาสผิดพลาดได้สูง
    • ไม่สามารถแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์
    • ข้อมูลสามารถถูกปลอมแปลงได้: ข้อมูลที่ใช้งานไม่ได้มาจากระบบโดยตรง

เหมาะสำหรับ: โรงงานขนาดเล็กหรือโรงงานที่เพิ่งเริ่มต้นการติดตาม OEE

สรุป

การเลือกวิธีในการคำนวณ OEE ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจ ความซับซ้อนของกระบวนการผลิต และทรัพยากรที่มี ไม่ว่าจะเลือกใช้ MES, SCADA, การเขียนโค้ด หรือการวิเคราะห์ด้วยมือ การปรับปรุง OEE จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลด Downtime และปรับปรุงคุณภาพของสินค้าได้อย่างมาก

OEE